CEO น้ำเต็มแก้ว
อัพเดทล่าสุด: 18 เม.ย. 2024
157 ผู้เข้าชม
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
ยังมีหมู่บ้านแห่งหนึ่ง หมู่บ้านแห่งนี้เต็มไปด้วยแร่ธาตุที่สมบูรณ์ ทรัพยากรธรรมชาติมากมาย มีลูกบ้านที่ขยันขันแข็ง อยู่ราวๆ ร้อยกว่าคน และมีหัวหน้าหมู่บ้าน ซึ่งเราจะเรียกเขาว่าท่าน CEO ประชาชนในหมู่บ้านแห่งนี้ มีอาชีพขุดแร่ธาตุ และนำมาแปรรูปเป็นเครื่องประดับ เพื่อส่งขายให้กับพ่อค้าคนกลางที่คอยมารับเครื่องประดับไปขายต่อยังในเมือง
ก่อนหน้านี้ ชาวบ้านและ CEO ก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ก็ยังมีทุกข์ปนกันไป แต่ถึงกระนั้น ก็ยังไม่มีชาวบ้านคนใดที่จะทำท่าทีว่าจะย้ายออกจากหมู่บ้านนี้ไป นั่นเพราะ CEO ได้โน้มน้าวชาวบ้านเสมอว่าการได้อยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้จะมีเงินทอง ของกิน อิ่มหนำสำราญ ฝั่ง CEO ก็มีผู้ช่วยที่คอยติดตามใกล้ชิด คอยรับคำสั่งอยู่ 3 คน หนึ่งในสามเป็นผู้ติดตามที่ CEO มีความไว้วางใจเสมือนญาติพี่น้อง ส่วนอีก 2 คน เป็นผู้ช่วยที่ CEO ช่วยเหลือมาจากต่างหมู่บ้าน และมอบหมายให้ควบคุมดูแลชาวบ้านไม่ให้แตกแถวหรือเอาใจออกห่าง CEO และหนึ่งในสองผู้ช่วยมีใจชอบอิจฉาริษยา มักคอยจับผิดคนอื่น และไม่ค่อยชอบหน้าผู้ช่วยที่ CEO รักเสมือนญาติ รวมทั้งเมื่อมีชาวบ้านคนใดที่โดดเด่นขึ้นมาในสายตาของ CEO ผู้ช่วยคนนี้มักคอยสกัดดาวรุ่งด้วยวิธีการต่างๆ แต่ก็ยังไม่เคยมีเรื่องราวร้ายแรงใด ๆ เกิดขึ้น
กล่าวถึง CEO จริงๆ แล้วเป็นคนฉลาดหลักแหลม เก่งในการค้นคว้าหาสินค้าใหม่ๆ ขายให้แก่พ่อค้าคนกลาง ในเรื่องการตลาดหรือการขาย CEO ไม่แพ้หมู่บ้านใด เขาสามารถนำของไม่มีราคา มาสร้างเป็นสินค้าที่มูลค่าสูง เพื่อขายทำไรได้อย่างดีเยี่ยม นับว่าเป็นความโชคดีของหมู่บ้านแห่งนี้ที่มีผู้นำหมู่บ้านที่ฉลาดหลักแหลม แต่...เหรียญย่อมมีสองด้านเสมอ ด้านหนึ่ง CEO คือนักธุรกิจที่เก่งมากๆ คนหนึ่ง แต่อีกด้านก็ยังมีมุมที่เรียกว่าด้านลบ นั่นก็คือ CEO มักชอบโอ้อวดถึงความเก่งของตนเอง ยกตนข่มท่าน คิดว่าตนเองเก่งกว่าคนอื่น และไม่มีใครจะมาเก่งเกินตนเองได้ ที่สำคัญชอบนินทาผู้ช่วยทั้งสาม และชาวบ้านเป็นอย่างมาก และนั่นก็เป็นต้นตอ ที่ทำให้เกิดความสั่นคลอนของหมู่บ้านแห่งนี้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ด้วยความที่หมู่บ้านกำลังเจริญรุ่งเรือง มีพ่อค้าคนกลางติดต่อซื้อสินค้าชุดใหญ่ ซึ่ง CEO ประเมินสถานการณ์แล้วว่า ด้วยความสามารถของชาวบ้านที่มีอยู่ คงยังไม่สามารถผลิตสินค้าจำนวนมหาศาลได้ทัน จึงได้ตัดสินใจให้ผู้ช่วยประกาศหา ผู้ช่วยคนใหม่จากหมู่บ้านหรือเมืองอื่นๆ มาช่วยพัฒนาชาวบ้านให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นเพื่อจะได้เป็นประโยชน์ในระยะยาวในการขยายการค้าขายกับต่างหมู่บ้าน รวมไปถึงเมืองอื่นๆ นั่นคือความทะเยอทะยานของ CEO ที่กำลังคิดไกล ไปถึงขั้นครอบครองเมืองที่เป็นที่ตั้งของหมู่บ้าน โดยที่ไม่มีชาวบ้านหรือผู้ช่วยคนไหนคิดตามได้ทัน CEO
และแล้ว ไม่นาน ก็มีบัณฑิตวัยกลางคน ผู้หนึ่งผ่านมาพบกับประกาศรับสมัครผู้ช่วย CEO โดยเขาอ่านในประกาศว่าหมู่บ้านแห่งนี้ ต้องการผู้ช่วย CEO เพื่อมาสอน อบรมให้ชาวบ้านเป็นคนเก่งและมีความรู้มากขึ้น บัณทิตผู้นั้นจึงมีความสนใจจึงได้สมัครกับผู้ช่วยคนที่ 1 ที่ทำหน้าที่คัดคนส่งให้ CEO และในที่สุด ด้วยความเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ของบัณฑิตผู้นี้ ที่สามารถอ่านใจ CEO ได้ออกและมองทะลุว่า CEO ผู้นี้เป็นคนเก่ง มีความหลักแหลม แต่ลึกๆ แล้ว ในใจของ CEO ยังขาดคุณธรรมอยู่อีกส่วนหนึ่ง ซึ่งบัณฑิตวัยกลางคน พอจะวิเคราะห์ได้จากการพูดคุยกับ CEO ทำให้ CEO ถูกใจบัณฑิตผู้นี้ยิ่งนัก และรับเข้ามาเป็นผู้ช่วย ไม่เพียงเท่านั้น ด้วยความฉลาดหลักแหลมของ CEO เมื่อได้คนเก่งคนมีความสามารถเข้ามาถึงไม่ยอมเสียโอกาสจึงแต่งตั้งให้บัณฑิตเป็นหัวหน้าผู้ช่วยทั้งหมด และเป็นคนคอยประสานระหว่าง CEO และพ่อค้าคนกลางที่เข้ามาซื้อขายสินค้าในหมู่บ้าน ด้วยหวังว่าจะใช้ความสามารถของบัณฑิตให้คุ้มค่าเงินเดือนที่จ่ายให้
เมื่อบัณฑิตเข้ามาเริ่มทำงานก็จะได้รับการบอกกล่าวกับ CEO เช่นเดียวกับที่ CEO บอกกับชาวบ้านว่าเราเป็นคนไม่เรื่องมาก ติดดิน เสื้อผ้าใส่เหมือนชาวบ้านทั่วไป ไม่แต่งตัวเกินฐานะ ไม่ถือยศศักดิ์ กินอยู่ง่ายๆ ทุกคนเป็นพี่น้องกัน และสิ่งที่เรารับไม่ได้คือ การนินทากัน มีอะไรให้พูดกันตรงๆ ต่อหน้า หากเรารู้ว่าชาวบ้านคนไหนนินทากันเราจะทำโทษ และหากยังนินทากันซ้ำอีก เราจะขับไล่ออกจากหมู่บ้าน ฟังดูแล้ว ช่างเป็น CEO ที่แสนดี เก่งฉลาด เป็นคนดี แต่นั่นเป็นเพียงการกล่าวอ้างของตัว CEO ฝ่ายเดียว เรื่องจริง บัณฑิตเท่านั้นที่จะต้องพิสูจน์ด้วยตนเอง
วันเวลาผ่านไป โลกไม่ได้สวยงามอย่างที่ CEO ได้นำเสนอไว้เพราะวันนี้เป็นวันเกิดของ CEO โดยชาวบ้านได้จัดงานฉลองให้กับ CEO และบัณฑิตก็ได้มาร่วมงานด้วย ค่ำคืนของงานเลี้ยงที่มีชาวบ้านมาร่วมงาน CEO แต่งกายด้วยเสื้อผ้าต่างถิ่นที่มีราคาสูงลิบ ไม่มีชาวบ้านคนใดสามารถซื้อหาได้ เพราะ CEO ได้สั่งให้ผู้ช่วยคนที่สองและสามไปหาซื้อผ้ามาจากเมืองใกล้เคียง เอ๊ะ ก็ไหนว่าไม่ชอบแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์ที่สูงค่า ทำไมวันนี้เสื้อผ้าอาภรณ์ถึงได้สูงค่าชนิดที่ไม่มีใครเอื้อมถึง เมื่อ CEO ปรากฏตัว ชาวบ้านต่างปรบมือโห่ร้องต้อนรับ CEO บอกให้ทุคนเงียบและฟังก่อน ทันทีที่ CEO ได้กล่าวออกมา ก็ทำให้บัณฑิตอึ้งเป็นครั้งที่ สอง นั้นเพราะ CEO กล่าวกับชาวบ้านที่มางานเลี้ยงว่า ทุกท่านวันนี้เป็นวันเกิดเรา ขอให้ทุกท่านดื่มกินให้สนุก เพราะเครื่องดื่มและอาหารเหล่านี้ ต่อให้พวกเจ้าตายแล้วเกิดใหม่ก็ไม่มีปัญญาซื้อหามากินได้ ฉะนั้นวันนี้เป็นบุญของพวกเจ้าแล้ว จงดื่มกิน กันเต็มที่ ชาวบ้านเองก็คงไม่คิดอะไรจึงได้ลงมือดื่มกินกัน แต่สำหรับบัณฑิตแล้ว ถ้อยคำเหล่านี้ที่ได้ยินเป็นการดูแคลนชาวบ้านยิ่งนัก มันช่างขัดกับสิ่งที่ CEO ได้ออกตัวไว้เมื่อวันแรกที่ได้พบและพูดคุยกันซะเหลือเกิน
เช้าวันต่อมา CEO ได้เรียกให้บัณฑิตเข้าพบเพื่อสั่งงาน เออ ท่านบัณฑิตวันนี้เราจะให้เจ้าทำการสอนและอบรมชาวบ้าน ให้เก่งขึ้น แต่เราอยากจะบอกเจ้าก่อนนะ ชาวบ้านพวกนี้ โง่เขลา เบาปัญญา เจ้าดูอย่างผู้ช่วยคนที่หนึ่งของเราซิ เจ้าคนนี้ไม่โง่ไม่ฉลาดแต่ไม่ค่อยเอาอะไร ดีตรงที่ไม่ค่อยขัดใจเรา และอยู่กับเรามานานเราเลยรักเหมือนพี่น้อง ส่วนไอ้เจ้าคนที่สอง ไอ้คนนี้ฉลาดแต่ใจร้อน กลัวเมีย เมียทำให้เสีย กลายเป็นคนชอบนินทาคนอื่น และอิจฉาคนอื่น ส่วนไอ้คนที่สาม นี้ขี้เกียจมาก อยู่ที่ไหนก็โดนเขาไล่มาหมด ดีที่ไม่ค่อยมีปากเสียง เลยอยู่กับเราได้ เราน่ะไม่อยากจะว่าใครเลย แต่ว่า แต่ละคนไม่ได้เรื่อง ทุกวันนี้เราทำงานคนเดียว หาเงินทองทรัพย์สินเพียงคนเดียวมาเลี้ยงคนทั้งหมู่บ้าน เพราะความฉลาดของเรา ไม่งั้น ชาวบ้านพวกนี้อดตายกันหมด แล้วเจ้าเห็นนังผู้หญิงผมยาวๆ ไหม นั่นนะ นางคนนี้อยากจะเอาข้าทำผัว เข้ามาให้ท่าข้า ถึงเนื้อถึงตัวข้า จนข้าไม่อยากจะให้อยู่ในหมู่บ้านนี้เลย แต่ก็ต้องปล่อยไปก่อนเพราะยังมีประโยชน์กับหมู่บ้านเวลามีพ่อค้าคนกลางมา ยังใช้ความงามของมันรับแขกได้ และCEO ก็ได้นินทาชาวบ้านแทบจะทุกบ้านให้ บัณฑิตฟัง บัณฑิตเอง หวนกลับไปคิดถึงคำพูดวันแรกของ CEO ว่าสิ่งที่เรารับไม่ได้คือ การนินทากัน มีอะไรให้พูดกันตรงๆ ต่อหน้า บัณฑิตจึงกล่าวออกไป ท่าน CEO ข้าพเจ้าสงสัยยิ่งนัก และขออนุญาตเรียนถามท่าน ในเมื่อท่านไม่ชอบสิ่งที่ผู้ช่วยของท่านทำ หรือสิ่งที่ชาวบ้านผู้หญิงนั้นกระทำต่อท่าน ทำไมท่านไม่บอกเขาตรงๆ และให้เขาปรับปรุงตัว การที่ท่านนำเรื่องราวเหล่านี้มาเล่าต่อข้าพเจ้าซึ่งเป็นบุคคลที่สาม เป็นการพูดเพียงฝ่ายเดียวถึงบุคคลอื่น โดยที่เจ้าตัวของเขาไม่มีโอกาสอธิบายใดๆ เช่นนี้ ไม่เรียกว่าท่านกำลังทำในสิ่งที่ท่านรับไม่ได้ก็คือการนินทาหรอกหรือ ข้าพเจ้ามีความหวังดีต่อท่าน หากชาวบ้านคนใดกระทำสิ่งที่ท่านเห็นว่าไม่ถูกต้อง ก็ควรเรียกมาคุยทำความเข้าใจและตักเตือนให้เขาปรับปรุงตัว แบบนี้ถึงจะเรียกว่าการพัฒนาคนนะท่าน CEO
CEO ได้ฟังดังนั้นจึงได้กล่าวอย่างโมโหว่า ท่านบัณฑิต ท่านไม่มีสิทธิมาพูดกับเราเช่นนี้ ท่านเป็นเพียงแค่บัณฑิตธรรมดาคนนึง และมาเป็นบ่าวของข้า รับเงินเดือนจากข้า ข้าสั่งสิ่งใดก็ควรจะเป็นเช่นนั้น เจ้ามีหน้าที่ อบรมสั่งสอนชาวบ้านให้หายจากความโง่เขลาก็จงทำไปตามหน้าที่เถอะ อย่าได้มาสาระแนบอกกล่าวเราเลย เราเชื่อมั่นว่าที่เรานำพาหมู่บ้านมาได้จนทุกวันนี้ เพราะเราก็มีดีอยู่พอตัว ไม่จำเป็นต้องฟังใคร บัณฑิตได้ฟังดังนั้นก็เข้าใจได้ว่า ไม่มีทางที่จะพัฒนาชาวบ้านได้ เพราะเมื่อไรที่ชาวบ้านได้รู้เช่นเห็นชาติ CEO คนนี้เหมือนที่บัณฑิตได้พบเจอ ชาวบ้านคงไม่อยู่ที่หมู่บ้านนี้ต่อไปแน่นอน
หลังจากนั้น บัณฑิตก็จึงได้เริ่มอบรมสั่งสอนชาวบ้านในหลายๆ เรื่อง โดยหนึ่งในเนื้อหาที่ได้อบรมก็เป็นเรื่องการใช้ชีวิตแบบน้ำไม่เต็มแก้ว นั่นก็คือการรับฟังคำติ คำชม การอบรมสั่งสอนจากผู้รู้ เพื่อให้ตัวเราเองมีการพัฒนาขึ้น และก็เป็นดังคาดการณ์ไว้ เวลาผ่านไป เริ่มมีชาวบ้านได้มาขออำลา CEO เพื่อไปทำมาหากินที่ตำบลอื่นๆ นั่นเพราะชาวบ้านบางส่วนเมื่อได้เรียนรู้และศึกษากับบัณฑิตทำให้มองเห็นด้านที่สองของ CEO นั้นคือด้านของความเป็นน้ำที่เต็มแก้วไม่รับฟังสิ่งใด จากใครทั้งสิ้น ด้วยความมั่นใจในตนเองที่เคยประสบความสำเร็จมาก่อน จึงยึดมั่นถือมั่นว่าสิ่งที่ทำว่าดีอยู่แล้ว ไม่เปิดรับคำติชม คำสอนหรือองค์ความรู้ใหม่ๆ และไม่นาน บัณฑิตก็ได้มาขอลา CEO ท่านนี้เช่นกัน เพื่อไปอบรม ให้ความรู้ผู้คนที่ยังคงต้องการพัฒนาตนเองต่อไป และด้วยอุปนิสัยน้ำไม่เต็มแก้วของบัณฑิตทำให้เขาได้รับความรู้ใหม่ๆ เสมอ และนำความรู้นั้นไปอบรมสั่งสอนผู้อื่นต่อไป
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เมื่อใดที่น้ำเต็มแก้ว แก้วนั้นจะไม่มีโอกาสสัมผัสกับน้ำรสชาติใหม่ๆ เพราะไม่มีพื้นที่ให้น้ำใหม่ได้เติมเต็มลงมาในแก้ว คนก็เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเคยประสบความสำเร็จเพียงใด จงอย่าเอาความสำเร็จในอดีตมาสร้างกรอบให้ตนเองจนกลายเป็นน้ำเต็มแก้ว เพราะนั้นคือการหยุดอยู่กับที่ โดยเฉพาะผู้นำ หากไม่เปิดรับสิ่งใหม่ๆ หรือโอกาสที่เข้ามา เพื่อพัฒนาตนเอง ก็คือคนที่หยุดอยู่กับที่ และคนที่หยุดอยู่กับที่ก็จะแพ้ในเกมการแข่งขันทุก ๆ เกม
ยังมีหมู่บ้านแห่งหนึ่ง หมู่บ้านแห่งนี้เต็มไปด้วยแร่ธาตุที่สมบูรณ์ ทรัพยากรธรรมชาติมากมาย มีลูกบ้านที่ขยันขันแข็ง อยู่ราวๆ ร้อยกว่าคน และมีหัวหน้าหมู่บ้าน ซึ่งเราจะเรียกเขาว่าท่าน CEO ประชาชนในหมู่บ้านแห่งนี้ มีอาชีพขุดแร่ธาตุ และนำมาแปรรูปเป็นเครื่องประดับ เพื่อส่งขายให้กับพ่อค้าคนกลางที่คอยมารับเครื่องประดับไปขายต่อยังในเมือง
ก่อนหน้านี้ ชาวบ้านและ CEO ก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ก็ยังมีทุกข์ปนกันไป แต่ถึงกระนั้น ก็ยังไม่มีชาวบ้านคนใดที่จะทำท่าทีว่าจะย้ายออกจากหมู่บ้านนี้ไป นั่นเพราะ CEO ได้โน้มน้าวชาวบ้านเสมอว่าการได้อยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้จะมีเงินทอง ของกิน อิ่มหนำสำราญ ฝั่ง CEO ก็มีผู้ช่วยที่คอยติดตามใกล้ชิด คอยรับคำสั่งอยู่ 3 คน หนึ่งในสามเป็นผู้ติดตามที่ CEO มีความไว้วางใจเสมือนญาติพี่น้อง ส่วนอีก 2 คน เป็นผู้ช่วยที่ CEO ช่วยเหลือมาจากต่างหมู่บ้าน และมอบหมายให้ควบคุมดูแลชาวบ้านไม่ให้แตกแถวหรือเอาใจออกห่าง CEO และหนึ่งในสองผู้ช่วยมีใจชอบอิจฉาริษยา มักคอยจับผิดคนอื่น และไม่ค่อยชอบหน้าผู้ช่วยที่ CEO รักเสมือนญาติ รวมทั้งเมื่อมีชาวบ้านคนใดที่โดดเด่นขึ้นมาในสายตาของ CEO ผู้ช่วยคนนี้มักคอยสกัดดาวรุ่งด้วยวิธีการต่างๆ แต่ก็ยังไม่เคยมีเรื่องราวร้ายแรงใด ๆ เกิดขึ้น
กล่าวถึง CEO จริงๆ แล้วเป็นคนฉลาดหลักแหลม เก่งในการค้นคว้าหาสินค้าใหม่ๆ ขายให้แก่พ่อค้าคนกลาง ในเรื่องการตลาดหรือการขาย CEO ไม่แพ้หมู่บ้านใด เขาสามารถนำของไม่มีราคา มาสร้างเป็นสินค้าที่มูลค่าสูง เพื่อขายทำไรได้อย่างดีเยี่ยม นับว่าเป็นความโชคดีของหมู่บ้านแห่งนี้ที่มีผู้นำหมู่บ้านที่ฉลาดหลักแหลม แต่...เหรียญย่อมมีสองด้านเสมอ ด้านหนึ่ง CEO คือนักธุรกิจที่เก่งมากๆ คนหนึ่ง แต่อีกด้านก็ยังมีมุมที่เรียกว่าด้านลบ นั่นก็คือ CEO มักชอบโอ้อวดถึงความเก่งของตนเอง ยกตนข่มท่าน คิดว่าตนเองเก่งกว่าคนอื่น และไม่มีใครจะมาเก่งเกินตนเองได้ ที่สำคัญชอบนินทาผู้ช่วยทั้งสาม และชาวบ้านเป็นอย่างมาก และนั่นก็เป็นต้นตอ ที่ทำให้เกิดความสั่นคลอนของหมู่บ้านแห่งนี้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ด้วยความที่หมู่บ้านกำลังเจริญรุ่งเรือง มีพ่อค้าคนกลางติดต่อซื้อสินค้าชุดใหญ่ ซึ่ง CEO ประเมินสถานการณ์แล้วว่า ด้วยความสามารถของชาวบ้านที่มีอยู่ คงยังไม่สามารถผลิตสินค้าจำนวนมหาศาลได้ทัน จึงได้ตัดสินใจให้ผู้ช่วยประกาศหา ผู้ช่วยคนใหม่จากหมู่บ้านหรือเมืองอื่นๆ มาช่วยพัฒนาชาวบ้านให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นเพื่อจะได้เป็นประโยชน์ในระยะยาวในการขยายการค้าขายกับต่างหมู่บ้าน รวมไปถึงเมืองอื่นๆ นั่นคือความทะเยอทะยานของ CEO ที่กำลังคิดไกล ไปถึงขั้นครอบครองเมืองที่เป็นที่ตั้งของหมู่บ้าน โดยที่ไม่มีชาวบ้านหรือผู้ช่วยคนไหนคิดตามได้ทัน CEO
และแล้ว ไม่นาน ก็มีบัณฑิตวัยกลางคน ผู้หนึ่งผ่านมาพบกับประกาศรับสมัครผู้ช่วย CEO โดยเขาอ่านในประกาศว่าหมู่บ้านแห่งนี้ ต้องการผู้ช่วย CEO เพื่อมาสอน อบรมให้ชาวบ้านเป็นคนเก่งและมีความรู้มากขึ้น บัณทิตผู้นั้นจึงมีความสนใจจึงได้สมัครกับผู้ช่วยคนที่ 1 ที่ทำหน้าที่คัดคนส่งให้ CEO และในที่สุด ด้วยความเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ของบัณฑิตผู้นี้ ที่สามารถอ่านใจ CEO ได้ออกและมองทะลุว่า CEO ผู้นี้เป็นคนเก่ง มีความหลักแหลม แต่ลึกๆ แล้ว ในใจของ CEO ยังขาดคุณธรรมอยู่อีกส่วนหนึ่ง ซึ่งบัณฑิตวัยกลางคน พอจะวิเคราะห์ได้จากการพูดคุยกับ CEO ทำให้ CEO ถูกใจบัณฑิตผู้นี้ยิ่งนัก และรับเข้ามาเป็นผู้ช่วย ไม่เพียงเท่านั้น ด้วยความฉลาดหลักแหลมของ CEO เมื่อได้คนเก่งคนมีความสามารถเข้ามาถึงไม่ยอมเสียโอกาสจึงแต่งตั้งให้บัณฑิตเป็นหัวหน้าผู้ช่วยทั้งหมด และเป็นคนคอยประสานระหว่าง CEO และพ่อค้าคนกลางที่เข้ามาซื้อขายสินค้าในหมู่บ้าน ด้วยหวังว่าจะใช้ความสามารถของบัณฑิตให้คุ้มค่าเงินเดือนที่จ่ายให้
เมื่อบัณฑิตเข้ามาเริ่มทำงานก็จะได้รับการบอกกล่าวกับ CEO เช่นเดียวกับที่ CEO บอกกับชาวบ้านว่าเราเป็นคนไม่เรื่องมาก ติดดิน เสื้อผ้าใส่เหมือนชาวบ้านทั่วไป ไม่แต่งตัวเกินฐานะ ไม่ถือยศศักดิ์ กินอยู่ง่ายๆ ทุกคนเป็นพี่น้องกัน และสิ่งที่เรารับไม่ได้คือ การนินทากัน มีอะไรให้พูดกันตรงๆ ต่อหน้า หากเรารู้ว่าชาวบ้านคนไหนนินทากันเราจะทำโทษ และหากยังนินทากันซ้ำอีก เราจะขับไล่ออกจากหมู่บ้าน ฟังดูแล้ว ช่างเป็น CEO ที่แสนดี เก่งฉลาด เป็นคนดี แต่นั่นเป็นเพียงการกล่าวอ้างของตัว CEO ฝ่ายเดียว เรื่องจริง บัณฑิตเท่านั้นที่จะต้องพิสูจน์ด้วยตนเอง
วันเวลาผ่านไป โลกไม่ได้สวยงามอย่างที่ CEO ได้นำเสนอไว้เพราะวันนี้เป็นวันเกิดของ CEO โดยชาวบ้านได้จัดงานฉลองให้กับ CEO และบัณฑิตก็ได้มาร่วมงานด้วย ค่ำคืนของงานเลี้ยงที่มีชาวบ้านมาร่วมงาน CEO แต่งกายด้วยเสื้อผ้าต่างถิ่นที่มีราคาสูงลิบ ไม่มีชาวบ้านคนใดสามารถซื้อหาได้ เพราะ CEO ได้สั่งให้ผู้ช่วยคนที่สองและสามไปหาซื้อผ้ามาจากเมืองใกล้เคียง เอ๊ะ ก็ไหนว่าไม่ชอบแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์ที่สูงค่า ทำไมวันนี้เสื้อผ้าอาภรณ์ถึงได้สูงค่าชนิดที่ไม่มีใครเอื้อมถึง เมื่อ CEO ปรากฏตัว ชาวบ้านต่างปรบมือโห่ร้องต้อนรับ CEO บอกให้ทุคนเงียบและฟังก่อน ทันทีที่ CEO ได้กล่าวออกมา ก็ทำให้บัณฑิตอึ้งเป็นครั้งที่ สอง นั้นเพราะ CEO กล่าวกับชาวบ้านที่มางานเลี้ยงว่า ทุกท่านวันนี้เป็นวันเกิดเรา ขอให้ทุกท่านดื่มกินให้สนุก เพราะเครื่องดื่มและอาหารเหล่านี้ ต่อให้พวกเจ้าตายแล้วเกิดใหม่ก็ไม่มีปัญญาซื้อหามากินได้ ฉะนั้นวันนี้เป็นบุญของพวกเจ้าแล้ว จงดื่มกิน กันเต็มที่ ชาวบ้านเองก็คงไม่คิดอะไรจึงได้ลงมือดื่มกินกัน แต่สำหรับบัณฑิตแล้ว ถ้อยคำเหล่านี้ที่ได้ยินเป็นการดูแคลนชาวบ้านยิ่งนัก มันช่างขัดกับสิ่งที่ CEO ได้ออกตัวไว้เมื่อวันแรกที่ได้พบและพูดคุยกันซะเหลือเกิน
เช้าวันต่อมา CEO ได้เรียกให้บัณฑิตเข้าพบเพื่อสั่งงาน เออ ท่านบัณฑิตวันนี้เราจะให้เจ้าทำการสอนและอบรมชาวบ้าน ให้เก่งขึ้น แต่เราอยากจะบอกเจ้าก่อนนะ ชาวบ้านพวกนี้ โง่เขลา เบาปัญญา เจ้าดูอย่างผู้ช่วยคนที่หนึ่งของเราซิ เจ้าคนนี้ไม่โง่ไม่ฉลาดแต่ไม่ค่อยเอาอะไร ดีตรงที่ไม่ค่อยขัดใจเรา และอยู่กับเรามานานเราเลยรักเหมือนพี่น้อง ส่วนไอ้เจ้าคนที่สอง ไอ้คนนี้ฉลาดแต่ใจร้อน กลัวเมีย เมียทำให้เสีย กลายเป็นคนชอบนินทาคนอื่น และอิจฉาคนอื่น ส่วนไอ้คนที่สาม นี้ขี้เกียจมาก อยู่ที่ไหนก็โดนเขาไล่มาหมด ดีที่ไม่ค่อยมีปากเสียง เลยอยู่กับเราได้ เราน่ะไม่อยากจะว่าใครเลย แต่ว่า แต่ละคนไม่ได้เรื่อง ทุกวันนี้เราทำงานคนเดียว หาเงินทองทรัพย์สินเพียงคนเดียวมาเลี้ยงคนทั้งหมู่บ้าน เพราะความฉลาดของเรา ไม่งั้น ชาวบ้านพวกนี้อดตายกันหมด แล้วเจ้าเห็นนังผู้หญิงผมยาวๆ ไหม นั่นนะ นางคนนี้อยากจะเอาข้าทำผัว เข้ามาให้ท่าข้า ถึงเนื้อถึงตัวข้า จนข้าไม่อยากจะให้อยู่ในหมู่บ้านนี้เลย แต่ก็ต้องปล่อยไปก่อนเพราะยังมีประโยชน์กับหมู่บ้านเวลามีพ่อค้าคนกลางมา ยังใช้ความงามของมันรับแขกได้ และCEO ก็ได้นินทาชาวบ้านแทบจะทุกบ้านให้ บัณฑิตฟัง บัณฑิตเอง หวนกลับไปคิดถึงคำพูดวันแรกของ CEO ว่าสิ่งที่เรารับไม่ได้คือ การนินทากัน มีอะไรให้พูดกันตรงๆ ต่อหน้า บัณฑิตจึงกล่าวออกไป ท่าน CEO ข้าพเจ้าสงสัยยิ่งนัก และขออนุญาตเรียนถามท่าน ในเมื่อท่านไม่ชอบสิ่งที่ผู้ช่วยของท่านทำ หรือสิ่งที่ชาวบ้านผู้หญิงนั้นกระทำต่อท่าน ทำไมท่านไม่บอกเขาตรงๆ และให้เขาปรับปรุงตัว การที่ท่านนำเรื่องราวเหล่านี้มาเล่าต่อข้าพเจ้าซึ่งเป็นบุคคลที่สาม เป็นการพูดเพียงฝ่ายเดียวถึงบุคคลอื่น โดยที่เจ้าตัวของเขาไม่มีโอกาสอธิบายใดๆ เช่นนี้ ไม่เรียกว่าท่านกำลังทำในสิ่งที่ท่านรับไม่ได้ก็คือการนินทาหรอกหรือ ข้าพเจ้ามีความหวังดีต่อท่าน หากชาวบ้านคนใดกระทำสิ่งที่ท่านเห็นว่าไม่ถูกต้อง ก็ควรเรียกมาคุยทำความเข้าใจและตักเตือนให้เขาปรับปรุงตัว แบบนี้ถึงจะเรียกว่าการพัฒนาคนนะท่าน CEO
CEO ได้ฟังดังนั้นจึงได้กล่าวอย่างโมโหว่า ท่านบัณฑิต ท่านไม่มีสิทธิมาพูดกับเราเช่นนี้ ท่านเป็นเพียงแค่บัณฑิตธรรมดาคนนึง และมาเป็นบ่าวของข้า รับเงินเดือนจากข้า ข้าสั่งสิ่งใดก็ควรจะเป็นเช่นนั้น เจ้ามีหน้าที่ อบรมสั่งสอนชาวบ้านให้หายจากความโง่เขลาก็จงทำไปตามหน้าที่เถอะ อย่าได้มาสาระแนบอกกล่าวเราเลย เราเชื่อมั่นว่าที่เรานำพาหมู่บ้านมาได้จนทุกวันนี้ เพราะเราก็มีดีอยู่พอตัว ไม่จำเป็นต้องฟังใคร บัณฑิตได้ฟังดังนั้นก็เข้าใจได้ว่า ไม่มีทางที่จะพัฒนาชาวบ้านได้ เพราะเมื่อไรที่ชาวบ้านได้รู้เช่นเห็นชาติ CEO คนนี้เหมือนที่บัณฑิตได้พบเจอ ชาวบ้านคงไม่อยู่ที่หมู่บ้านนี้ต่อไปแน่นอน
หลังจากนั้น บัณฑิตก็จึงได้เริ่มอบรมสั่งสอนชาวบ้านในหลายๆ เรื่อง โดยหนึ่งในเนื้อหาที่ได้อบรมก็เป็นเรื่องการใช้ชีวิตแบบน้ำไม่เต็มแก้ว นั่นก็คือการรับฟังคำติ คำชม การอบรมสั่งสอนจากผู้รู้ เพื่อให้ตัวเราเองมีการพัฒนาขึ้น และก็เป็นดังคาดการณ์ไว้ เวลาผ่านไป เริ่มมีชาวบ้านได้มาขออำลา CEO เพื่อไปทำมาหากินที่ตำบลอื่นๆ นั่นเพราะชาวบ้านบางส่วนเมื่อได้เรียนรู้และศึกษากับบัณฑิตทำให้มองเห็นด้านที่สองของ CEO นั้นคือด้านของความเป็นน้ำที่เต็มแก้วไม่รับฟังสิ่งใด จากใครทั้งสิ้น ด้วยความมั่นใจในตนเองที่เคยประสบความสำเร็จมาก่อน จึงยึดมั่นถือมั่นว่าสิ่งที่ทำว่าดีอยู่แล้ว ไม่เปิดรับคำติชม คำสอนหรือองค์ความรู้ใหม่ๆ และไม่นาน บัณฑิตก็ได้มาขอลา CEO ท่านนี้เช่นกัน เพื่อไปอบรม ให้ความรู้ผู้คนที่ยังคงต้องการพัฒนาตนเองต่อไป และด้วยอุปนิสัยน้ำไม่เต็มแก้วของบัณฑิตทำให้เขาได้รับความรู้ใหม่ๆ เสมอ และนำความรู้นั้นไปอบรมสั่งสอนผู้อื่นต่อไป
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เมื่อใดที่น้ำเต็มแก้ว แก้วนั้นจะไม่มีโอกาสสัมผัสกับน้ำรสชาติใหม่ๆ เพราะไม่มีพื้นที่ให้น้ำใหม่ได้เติมเต็มลงมาในแก้ว คนก็เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเคยประสบความสำเร็จเพียงใด จงอย่าเอาความสำเร็จในอดีตมาสร้างกรอบให้ตนเองจนกลายเป็นน้ำเต็มแก้ว เพราะนั้นคือการหยุดอยู่กับที่ โดยเฉพาะผู้นำ หากไม่เปิดรับสิ่งใหม่ๆ หรือโอกาสที่เข้ามา เพื่อพัฒนาตนเอง ก็คือคนที่หยุดอยู่กับที่ และคนที่หยุดอยู่กับที่ก็จะแพ้ในเกมการแข่งขันทุก ๆ เกม
บทความที่เกี่ยวข้อง